ต้องยอมรับว่า หลอดไฟ ที่กำลังมาแรงที่สุดในยุคปัจจุบัน คงหนีไม่พ้น หลอดไฟled ทีนี้มาเปรียบเทียบกันดูว่าเพราะเหตุใด คุณสมบัติหลอดไฟแต่ละชนิดกับหลอดไฟled ทำไมกระแสของหลอดไฟled ถึงมาแรง

หลอดไฟ (Lamps) ชนิดต่างๆ

ก่อนอื่นมารู้จักกับหลอดไฟชนิดต่างๆ กันก่อน ว่าแต่ละชนิด มีคุณสมบัติและหลักการทำงานอย่างไร เอาให้หายสงสัยกันไปเลย

1.หลอดอินแคนเดสเซนต์ หรือ หลอดไส้ (Incandescent lamps)

เป็น หลอดไฟ ชนิดแรกที่เราทุกคนเคยเห็นและคุ้นเคยเป็นอย่างดี หลักการคือ เมื่อมีกระไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดที่เป็นไส้หลอด จะทำให้เกิดความร้อนจนขดลวดแดงและเปล่งแสงสว่างออกมา ไส้หลอดส่วนใหญ่ทำมาจากทังสเตน ส่วนภายในหลอดไฟ ถ้าเป็น

• ทังสเตนชนิดธรรมดา (tungsten)

  ภายในหลอดจะบรรจุก๊าซเฉื่อยไนโตรเจนและอาร์กอน

• หลอดทังสเตนฮาโลเจน (tungsten halogen)

  ภายในบรรจุก๊าซ ฮาโลเจน เพื่อทำให้ไส้หลอดมีความสว่างและอายุการใช้งานมากขึ้น หรือบางครั้งเรียกว่า หลอดฮาโลเจนเฉยๆ ซึ่ง ก็คือชนิดเดียวกัน

โดยทั่วไปแล้ว หลอดไฟชนิดนี้ มีประสิทธิภาพต่ำ (ชนิดธรรมดา 5-13 lm/w, ทังสเตนฮาโลเจน 15-25 lm/w) อายุการใช้งานสั้น (ชนิดธรรมดา ~1,000 ช.ม., ทังสเตนฮาโลเจน ~2,000 ช.ม) มีความร้อนสูง แต่ราคาก็ถูกที่สุด

2.หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent lamps)

เป็นหลอดไฟ ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในปัจจุบัน มีหลักการคือ ให้กระแสอิเลคตรอน วิ่งชนไอโลหะและก๊าซเฉื่อย ที่อยู่ภายในหลอด ทำให้เกิดแสง UV เมื่อแสง UV มากระทบสารเคลือบที่ข้างหลอด (สารเคลือบชื่อ ฟลูออเรสเซนต์) จึงทำให้เกิดการเรืองแสงออกมา แต่ทั้งนี้ต้องใช้งานร่วมกับบัลลาสต์ หลอดไฟชนิดฟลูออเรสเซนต์นี้ มีประสิทธิภาพสูงกว่าหลอดไส้ (60-100lm/w) มีอายุการใช้งานนานกว่า(10,000-20,000 ช.ม.) และมีความร้อนต่ำกว่า แต่ก็เป็นหลอดชนิดที่มีใช้เฉพาะกำลังวัตต์ต่ำๆ สำหรับในอาคารนิยมติดตั้ง หลอดชนิดนี้ เพราะทำให้ช่วยประหยัดได้ทั้งค่าไฟและค่าแอร์

3.หลอดคายประจุ (Gas Discharge lamps)

หลอดคายประจุ มีหลักการทำงานเหมือนกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ (ไม่แปลกเพราะหลอดฟลูออเรสเซนต์ ก็เป็นหนึ่งในหลอดคายประจุ แต่แยกกลุ่มออกมา เพราะมีใช้เยอะและมีกำลังวัตต์ต่ำกว่าชนิดอื่นๆ) แต่แตกต่างกันตรงส่วนผสมของไอโลหะและก๊าซที่อยู่ภายใน แบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ

3.1) หลอดคายประจุ ความดันไอต่ำ (Low-pressure Discharge lamps)

ได้แก่:

• หลอดโซเดียมความดันต่ำ (Low-pressure Sodium lamps)

ภายในบรรจุโซเดียม นีออน และอาร์กอน ให้แสงสีเหลืองเข้ม เป็นหลอดไฟที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ในบรรดาหลอดไฟทั้งหมด (120-200 lm/w) มีอายุการใช้งานนาน (18,000-20,000 ช.ม.) แต่ก็มีความถูกต้องของสีแย่ที่สุด (CRI=0%) ถึงขั้นที่เรียกว่าเป็น มลภาวะทางแสง เลยทีเดียว มีใช้ตามที่ห่างไกลชุมชน ตามถนนที่อยู่ไกลออกไป แต่ปัจจุบันเหลือน้อยเต็มที อาจจะเหลือใช้แค่เพียง ตามแยกของถนนที่อยู่นอกเมืองบ้าง เท่านั้นเอง



• หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent lamps)

( อ่านด้านบน)



• หลอดนีออน (Neon lightings)

ภายในบรรจุด้วยก๊าซชนิดต่างๆ เพื่อทำให้เกิดสี แล้วใช้ไฟฟ้าแรงสูง หลายพันโวลต์ เพื่อทำให้ก๊าซคายประจุหรืออิเลคตรอนออกมา ก๊าซที่เติมก็ เช่น เติม ไฮโดรเจน ทำให้เกิดสี สีแดง เติมฮีเลียม ทำให้เกิดสีเหลือง เติมปรอท ทำให้เกิดสีน้ำเงิน เป็นต้น หลอดชนิดนี้มีสีสันสวยงาม จึงเหมาะที่นำเอาไปทำป้ายโฆษณา ไฟอักษร ต่างๆ (คือที่มาของ ป้ายนีออน) แต่หลอดชนิดนี้ไม่นิยมนำมาใช้เป็นไฟฟ้าแสงสว่าง

3.2) หลอดคายประจุ ความดันไอสูง (High-pressure discharge lamps) และ หลอดคายประจุ ความเข้มสูง หรือมีความสว่างมาก (High-Intensity Discharge:HID)

มีหลายชนิด ได้แก่:

• หลอดโซเดียมความดันสูง (High-pressure Sodium lamps)

มีสีเหลืองแต่ไม่เข้ม ประสิทธิภาพสูง รองลงมาจาก หลอดโซเดียมความดันต่ำ (80-150lm/w) อายุการใช้งานนาน(15,000-25,000 ช.ม.) ความถูกต้องของสีดีกว่า หลอดโซเดียมความดันต่ำ



• หลอดไอปรอท หรือ หลอดแสงจันทร์ หรือบ้างก็เรียก หลอดเมอคิวรี่ (Mercury-vapor lamps)

เป็นหลอดที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าหลอดไส้ เกือบเท่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ มีอายุการใช้งานนาน และยังมีความถูกต้องของสีค่อนข้างดี คือมองวัตถุสีไม่เพี้ยน แต่ต้องใช้บัลลาสต์ กับสตาร์ทเตอร์ และการเปิดแต่ละครั้งต้องมีการอุ่นไส้ 4-7 นาที นิยมนำมาใช้แทนหลอดฟลูออเรสเซนต์ เมื่อต้องการความสว่างสูง เช่น ภายในอาคาร โรงงาน หรือตามถนน หรือที่สาธารณะที่ต้องการความถูกต้องของสีสูง



• หลอดเมทัลฮาไลด์ (Metal halide lamps)

มีประสิทธิภาพดี ความถูกต้องของสีดีมาก แต่อายุการใช้งานสั้นกว่า เหมาะสำหรับใช้ ในห้างสรรพสินค้า สนามกีฬา ที่ต้องการความถูกต้องของสีสูง



• หลอดอาร์คซีนอน (Xenon arc lamps)

เป็นหลอดคายประจุชนิดพิเศษ มีความถูกต้องของสีสูง มีกำลังวัตต์สูงมากเป็นพิเศษ (900w-25kw) มีอายุการใช้งานสั้น (2000hr) จึงเหมาะเอามาใช้ในงานฉายภาพยนตร์ ในโรงฉายภาพยนตร์ เกือบทั้งหมดก็ใช้หลอดชนิดนี้

4. หลอดไฟLED (LED lamps)

หลอดแอลอีดี (LED : Light Emitting Diode) เป็น หลอดไฟ ชนิดที่แตกต่างออกไป เป็นหลอดที่มีขนาดเล็ก กำลังต่ำ มีหลักการทำงานคือ เมื่อมีการผ่านกระแสไฟฟ้าให้กับสารกึ่งตัวนำแล้ว จะทำให้้บริเวณรอยต่อของขั้ว ที่เรียกว่า p-n junction เกิดการเปล่งแสงออกมา ถึงจะมีกำลังต่ำ แต่สามารถนำมาต่อกันในวงจรไฟฟ้า เพื่อให้มีกำลังมากขึ้นได้
(อ่านเพิ่มเติม ได้ที่ หลอดไฟled คืออะไร?)

หลอดไฟLED มีคุณสมบัติเด่นคือ มีอายุการใช้งานที่ยาวนานที่สุด (50,000-100,000 ช.ม.) มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง มีความถูกต้องของสีสูง ความร้อนต่ำ ไม่มีรังสี UV ไม่มีก๊าซพิษ หรือโลหะหนักในการบรรจุ
(อ่านเพิ่มเติม ได้ที่ ข้อดีของ หลอดไฟled )

มาดูตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติด้านต่างๆ ของ หลอดไฟled กับหลอดไฟชนิดอื่นกัน

ตารางการเปรียบเทียบค่าไฟและค่าใช้จ่ายของหลอดไฟชนิดต่างๆ

หากอ่านแล้วเห็นว่าบทความเนื้อหามีประโยชน์ กรุณา กดlike กดแชร์ ด้านล่าง

บทความที่เกี่ยวข้อง: LEDคืออะไร? | หลอด LED ดีอย่างไร | หลอดไฟled เปรียบเทียบกับหลอดไฟชนิดอื่น ดีกว่ายังไง | ความรู้เกี่ยวกับLED- รู้ไว้ไม่โดนหลอก | ค่าความเข้มของแสงสว่าง ในสถานที่ทำงาน

เลือกซื้อสินค้า สินค้าไฟLED

"ช่วยกันทำให้โลกสว่างไสว และรักษ์โลกด้วยไฟLED"